สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 7-10 เมษายน 2565

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,694 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,661 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.28
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 8,391 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 8,381 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.12
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,800 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 25,650 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.58
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,750 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 820 ดอลลาร์สหรัฐฯ (27,254 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 807 ดอลลาร์สหรัฐฯ (26,831 บาท/ตัน)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.61 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 423 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 431 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,325 บาท/ตัน) ราคาสูงขึ้นจากตันละ 426 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,164 บาท/ตัน)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.17 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทตันละ 161 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 437 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,524 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 438 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14,563 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 39 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 33.2360 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
ไทย
วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน หนุนส่งออกข้าวไทยเดือนมีนาคม 2565 พุ่ง 7 แสนตัน : ผู้ส่งออกข้าวไทยคาดว่าเดือนมีนาคม 2565 จะส่งออกข้าวได้ 700,000 ตัน จากปัญหาสงคราม ทำให้ต่างประเทศนําเข้าข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงภายในและทดแทนข้าวโพด ข้าวสาลีตึงตัว
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2565 นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมคาดว่า
ในเดือนมีนาคม 2565 การส่งออกข้าวจะอยู่ที่ประมาณ 700,000 ตัน เนื่องจากประเทศผู้นําเข้าที่สำคัญในแถบตะวันออกกลาง (เช่น อิรัก อิหร่าน) เอเชีย (เช่น จีน ญี่ปุ่น) และแอฟริกา ยังคงมีความต้องการนําเข้าข้าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจว่า จะมีข้าวเพียงพอสำหรับบริโภคในประเทศในช่วงที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนยังไม่คลี่คลาย
ซึ่งทำให้เกิดภาวะตึงตัวในกลุ่มสินค้าธัญพืชที่สำคัญ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ส่งผลให้มีความต้องการใช้ข้าวเพื่อทดแทนสินค้าทั้งสองชนิดมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ราคาข้าวไทยในช่วงนี้ ค่อนข้างทรงตัว จากการที่ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 30 มีนาคม 2565 อยู่ที่ 426 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน อยู่ที่ 418-422, 343-347 และ 358-362 เหรียญสหรัฐต่อตัน ตามลำดับ ด้านราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 441 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ ข้าวนึ่งของอินเดีย และปากีสถานอยู่ที่ 363-367 และ 386-390 เหรียญสหรัฐต่อตัน
สำหรับการส่งออกข้าวในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณ 635,919 ตัน มูลค่า 10,396 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.3 และร้อยละ 30.2 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 ที่มีปริมาณ 459,752 ตัน มูลค่า 7,987 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา การส่งออกข้าวทุกชนิดมีปริมาณเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2565 เนื่องจากผู้นําเข้าต่างเร่งนําเข้าข้าวเพื่อเก็บสต็อกไว้ เพราะกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาวะตลาด รวมทั้งการขนส่งระหว่างประเทศ
โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีการส่งออกข้าวขาวปริมาณรวม 355,956 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.97 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศอิรัก จีน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เบนิน และเปอร์โตริโก เป็นต้น ขณะที่การส่งออกข้าวหอมมะลิ (ตันข้าว) มีปริมาณ 112,338 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ส่วนใหญ่ยังคงส่งไปยังตลาดประจำ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ฮ่องกง แคนาดา ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ เป็นต้น สำหรับข้าวนึ่ง มีการส่งออกปริมาณ 63,711 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.32 เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ส่วนใหญ่ส่งไปยังตลาดหลัก เช่น แอฟริกาใต้ และเยเมน เป็นต้น
จากข้อมูลของกรมศุลกากร การส่งออกข้าวในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณ 1,095,671 ตัน มูลค่า 18,383.2 ล้านบาท (556.4 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยปริมาณส่งออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.9 และมูลค่าส่งออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีการส่งออกปริมาณ 849,810 ตัน มูลค่า 15,836.3 ล้านบาท ( 531.8 ล้านเหรียญสหรัฐ)
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกช้าวไทย
เวียดนาม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะราคาข้าวปรับตัวลดลงจากระดับที่เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 เดือนครึ่งจากในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากอุปทานข้าวในตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงการเก็บเกี่ยวข้าวในฤดูการผลิต ฤดูหนาว-
ฤดูใบไม้ผลิ (the winter-spring crop) ของปี 2564/65 ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง โดยข้าวบางส่วนได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้คุณภาพข้าวลดลง ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ระดับ 400-415 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจาก 415-420 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ (General Statistics Office; GSO) ว่าในเดือนมีนาคม 2565 มีการส่งออกข้าวประมาณ 500,000 ตัน ลดลงประมาณร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) เวียดนามส่งออกข้าวได้ ประมาณ 1.48 ล้านตัน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
The Oceanic Agency and Shipping Service รายงานว่า ในช่วงวันที่ 14 มีนาคม-7 เมษายน 2565 จะมีเรือบรรทุกสินค้า (breakbulk ships) อย่างน้อย 12 ลำ เข้ามารอรับสินค้าข้าวที่ท่าเรือ Ho Chi Minh City (HCMC) Port เพื่อรับมอบข้าวประมาณ 156,650 ตัน
เว็บไซต์ S&P Global Commodity Insights รายงานโดยอ้างข้อมูลของกรมศุลกากรว่า ในเดือนมีนาคม 2565 เวียดนามส่งออกข้าว จำนวน 533,100 ตัน โดยปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
แต่ลดลงประมาณร้อยละ 1.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำนักงานสถิติเวียดนาม (the Vietnam General Statistics Office) รายงานว่า จากการที่สภาพอากาศเอื้ออํานวยต่อการผลิตทางการเกษตรในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ทำให้พื้นที่เพาะปลูกข้าวตามฤดูกาลในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (the Mekong Delta) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 13.6 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยผลผลิตข้าวในช่วงฤดูการผลิตฤดูร้อน (summer rice) มีผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 826 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 704 กิโลกรัมต่อไร่ ส่งผลให้มีปริมาณผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นถึง 881,100 ตัน จากประมาณ 665,300 ตัน ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย รายงานว่า กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท (Ministry of Agriculture and Rural Development MARD) ระบุว่า ในไตรมาสแรกของปี 2565 การส่งออกและนําเข้าสินค้าเกษตร ป่าไม้ และการประมง ของเวียดนาม มีมูลค่า 22,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากตัวเลขดังกล่าวการส่งออกมีมูลค่า 12,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 ขณะที่การนําเข้า มีมูลค่า 98,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.5 ส่งผลให้เกินดุลการค้าประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเดือนมีนาคม 2565 มีมูลค่า
การส่งออก 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญ มีมูลค่า 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 ในขณะที่การส่งออกผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ มีมูลค่า 4,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ผลิตภัณฑ์ประมง 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 และการเลี้ยงสัตว์ มีมูลค่า 75,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 22.4 สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีรายได้ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ กาแฟ ยางพารา ข้าว พริกไทย ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลัง กุ้ง ปลาสวาย ไม้ และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ขณะเดียวกันมูลค่าการส่งออกชา ลดลงร้อยละ 12 และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลดลงร้อยละ 5
อย่างไรก็ตาม เอเชียยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสินค้าเกษตร ป่าไม้ และการประมง ของเวียดนาม
ด้วยส่วนแบ่งตลาด ร้อยละ 40.3 รองลงมา คือ อเมริกา ร้อยละ 29.5 และยุโรปร้อยละ 13.1 ขณะเดียวกัน อเมริกา เป็นผู้นําเข้าผลิตภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนามด้วยมูลค่ากว่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รองลงมา คือ จีน มูลค่า 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และญี่ปุ่น มูลค่า 872,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
กระทรวงเกษตรและการพัฒนาชนบท จะส่งเสริมในการขยายตลาดส่งออก และให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาผลผลิต การผลิตและการจัดหาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งแนะนําแนวทางแก้ไข เพื่อขจัดความแออัดของผลผลิตทางการเกษตรที่ด่านชายแดน โดยในปี 2565 ภาคการเกษตรกำหนดเป้าหมายการส่งออกอยู่ที่ 50,000
ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นาย Phung Duc Tien รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว VOV ว่า ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางอย่างที่มีข้อได้เปรียบอย่างมาก เช่น ปลาสวาย ได้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 87 ทั้งนี้ สมาชิกของสมาคมปลาสวาย ในจังหวัดสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ไม่สามารถตอบสนองความต้องการทั้งหมดได้ ดังนั้น เวียดนามควรใช้ประโยชน์จากตลาดที่มีเขตการค้าเสรีด้วยการครอบคลุมและพัฒนามากขึ้น โดยในปี 2565 เวียดนามจะบรรลุเป้าหมายส่งออกสินค้าเกษตรได้มากกว่า 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 9.46 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 9.44 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.21 และราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.66 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.55 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.46
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 12.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 12.92 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.39 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 394.00 ดอลลาร์สหรัฐ (13,088.00 บาท/ตัน)  ลดลงจากตันละ 395.00 ดอลลาร์สหรัฐ (13,120.00 บาท/ตัน)  ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.25 และลดลงในรูปของเงินบาทตันละ 32.00 บาท
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนพฤษภาคม 2565 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 759.00 เซนต์ (10,053.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากบุชเชลละ 739.00 เซนต์ (9,797.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.71 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 256.00 บาท


 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 10.179 ล้านไร่ ผลผลิต 34.691 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.408 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 10.406 ล้านไร่ ผลผลิต 35.094 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.372 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิต ลดลงร้อยละ 2.18 และร้อยละ 1.15 ตามลำดับ แต่ผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.07 โดยเดือนเมษายน 2565 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 2.692 ล้านตัน (ร้อยละ 7.76 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2565 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ปริมาณ 20.48 ล้านตัน (ร้อยละ 59.04 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดมาก แต่เนื่องจากมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพลดลง (เชื้อแป้งลดลง) สำหรับลานมันเส้นและโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่เปิดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.37 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.34 บาท ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.28
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.72 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 6.69 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.45
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ8.23 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.07 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.98
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.43 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 15.29 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.92
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 273 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,130 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากเฉลี่ยตันละ 268 ดอลลาร์สหรัฐฯ (8,990 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 1.87
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 493 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,480 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากเฉลี่ยตันละ 490 ดอลลาร์สหรัฐฯ (16,440 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.61


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2565 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนเมษายนจะมีประมาณ 1.960 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.353 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 1.709 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.308 ล้านตันของเดือนมีนาคม คิดเป็นร้อยละ 14.69 และร้อยละ 14.61 ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 9.95 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 9.94 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.10
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 54.13 บาท ลดลงจาก กก.ละ 54.25 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.22               
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
S&P Global คาดการณ์ว่าผลผลิตน้ำมันปาล์มของมาเลเซียสูงขึ้นร้อยละ 17.00 ทำให้ ณ สิ้นเดือนมีนาคมปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มจะสูงขึ้นประมาณร้อยละ 0.90 จากเดือนกุมภาพันธ์ ไปอยู่ที่ 1.533 ล้านตัน แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของสต็อกน้ำมันปาล์มยังถูกจำกัด เนื่องจากคาดว่าปริมาณการส่งออกในเดือนมีนาคมจะสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าร้อยละ 9.30 หลังจากมีมาตรการจำกัดการส่งออกของผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอินโดนีเซีย ร่วมกับปริมาณน้ำมันถั่วเหลืองของอาร์เจนตินาที่ต่ำและเหตุการณ์สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ทำให้กระทบกับปริมาณน้ำมันทานตะวันของโลกลดลง ทำให้ราคาน้ำมันพืชทั่วโลกอยู่ในระดับสูง 
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 6,510.46 ดอลลาร์มาเลเซีย (52.42 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 6,522.16 ดอลลาร์มาเลเซีย (52.63 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.18                    
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,665.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (56.04 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,662.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (55.94 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.18
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล

1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ

         
ไม่มีรายงาน

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
         แหล่งข่าวในท้องถิ่นของอินเดีย รายงานว่า ราคาน้ำตาลในรัฐมหาราษฏระ เพิ่มขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ท่ามกลางความต้องการส่งออกที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนการขนส่งที่สูง ขณะที่ราคาน้ำตาล ปรับตัวลดลงอีกครั้ง 11.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามการรายงานของสมาคมโรงงานน้ำตาลของอินเดีย ISMA ความต้องการน้ำตาลประจำปีทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1% ในทศวรรษที่ผ่านมา หรือ 1.3% เมื่อไม่รวมปีที่มีการระบาดของโควิด-19 ลดลงจาก 2.5% ในทศวรรษที่ผ่านมา ตามรายงานของ Rabobank อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ผู้สังเกตการณ์ในตลาดตั้งข้อสังเกตว่า ค่าWhite Premium ที่แข็งแกร่ง ชี้ให้เห็นถึงความต้องการที่ดีอาจเป็นเพราะเดือนรอมฎอนที่จะมาถึง




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 18.30 บาท ลงลดจากกิโลกรัมละ 18.79 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.61
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ กิโลกรัมละ 20.38 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.23 บาท ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.74 
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,637.40 เซนต์ (20.25 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,634.40 เซนต์ (20.21 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 0.18
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 462.24 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15.56 บาท/กก.)ลดลงจากตันละ 467.10 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15.72 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.05
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 72.63 เซนต์ (53.88 บาท/กก.) สูงขึ้นจากปอนด์ละ 71.49 เซนต์ (53.04 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 1.59


 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว
 
สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.10 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 21.01 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.43
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 24.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.17
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 38.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.63
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 20.00 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 10.00
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 902.75 ดอลลาร์สหรัฐ (30.00 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 902.20 ดอลลาร์สหรัฐ (30.00 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.06 แต่คงตัวในรูปเงินบาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 721.00 ดอลลาร์สหรัฐ (23.96 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 750.80 ดอลลาร์สหรัฐ (24.96 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 3.97 และลดลงในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.00 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,205.50 ดอลลาร์สหรัฐ (40.07 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,174.60 ดอลลาร์สหรัฐ (39.05 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.63 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 1.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 690.50 ดอลลาร์สหรัฐ (22.95 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 629.40 ดอลลาร์สหรัฐ (20.93 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 9.71 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 2.02 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 987.50 ดอลลาร์สหรัฐ (32.82 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 986.80 ดอลลาร์สหรัฐ (32.81 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.07 และสูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท


 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.65 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 41.99 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.81
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.87 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 32.29 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.40
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 65.50 คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

   1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
    ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 135.35 เซนต์(กิโลกรัมละ 100.45 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 137.19 เซนต์ (กิโลกรัมละ 101.82 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.34 (ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.37 บาท)

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,938 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,903 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.84 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,581 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 1,561 บาทคิดเป็นร้อยละ 1.28 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,001 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 1,005 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.41 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  88.84 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 88.07  คิดเป็นร้อยละ 0.87 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 85.09 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 85.45 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 91.12 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 87.85 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 3,200 บาท สูงขึ้นจากตัวละ 3,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.67 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 91.50 บาท สูงขึ้นจาก กิโลกรัมละ 87.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 4.57 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.42 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 40.32 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.25 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 32.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 41.05 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.38 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 41.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 39.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 5.13 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 53.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 52.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.90 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดมีน้อยกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 317 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 315 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.72 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 313 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 312 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 320 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.62 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 365 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 383 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 380 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 332 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 395 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.65 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 99.72 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 99.87 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.15 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.90 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 103.66 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.07 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 81.61 บาท ลดลงจาก กิโลกรัมละ 82.15 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.66 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.25 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.13 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน

 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 4 - 10 เมษายน 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
 2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 60.54 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 61.75 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.21 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.66 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 80.69 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.03 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ
ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 150.75 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 163.72 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 12.97 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 137.50 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 139.17 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.67 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.00 บาท ราคาลดลงเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 66.01 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.01 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง)
ราคาที่ชาวประมงขายได้และราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น
ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.18 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.82 บาท
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 38.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 37.60 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 33.00 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 32.60 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.40 บาท